McLaren W1 รถไฮเปอร์คาร์ไฮบริดสุดแรง เครื่อง V8 1,258 แรงม้า

หลังจากผ่านไปเกือบทศวรรษ นับตั้งแต่ที่ McLaren P1 เลิกผลิตไป ทีมงานของ McLaren จึงได้เพิ่มรถรุ่น “1” อีกคันนั่นก็คือ McLaren W1 ไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดเพื่อสร้างแรงม้า 1,258 แรงม้า

หัวใจสำคัญของการทำงานของ W1 คือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จขนาด 4.0 ลิตร ซึ่ง McLaren เรียกว่า MHP-8 เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นนี้ให้กำลัง 915 แรงม้า ซึ่งดีกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนอย่าง P1 ที่มีกำลัง 903 แรงม้า W1 สามารถสร้างแรงกดได้มากกว่า 1,258 แรงม้า ช่วยให้คุณเกาะถนนได้แม้ในขณะที่เร่งความเร็วเต็มที่

เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบพอร์ตและฉีดตรง เพลาข้อเหวี่ยงแบบระนาบแบน และเรดไลน์ 9,200 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแปดสปีดที่ส่งกำลังไปยังด้านหลังโดยเฉพาะ

ระบบไฮบริดที่ส่งกำลังไปยังด้านหลังนั้นประกอบด้วยโมดูล E ที่ติดตั้งกับระบบเกียร์และบรรจุมอเตอร์ฟลักซ์เรเดียลกำลัง 342 แรงม้าและชุดควบคุมมอเตอร์ซิลิกอนคาร์ไบด์ ซึ่งโมดูลนี้ส่งพลังงานไปยังชุดแบตเตอรี่ขนาด 1,384 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่บรรจุอยู่ในกล่องกันไฟที่ติดตั้งไว้บนพื้นถังคาร์บอนไฟเบอร์ เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่นี้จนมีสถานะชาร์จประมาณ 80% ในเวลาเพียง 22 นาที

โมดูลไดรฟ์นี้ยังรองรับฟังก์ชั่นย้อนกลับของ W1 ซึ่งช่วยลดน้ำหนักภายในเกียร์แปดสปีด ตามข้อมูลของ McLaren ระบบไฮบริดนี้เบากว่าระบบของ P1 ถึง 40 กิโลกรัม

ทีมงานของ McLaren เน้นที่หลักอากาศพลศาสตร์เพื่อหุ้มท่อโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์โดยใช้ระบบส่งกำลังไฮบริด โครงสร้างน้ำหนักเบานี้ซึ่งเรียกว่า Aerocell ใช้คาร์บอนไฟเบอร์พรีเพร็กเพื่อความแข็งแกร่ง

โครงสร้างนี้ยังมีประตูแบบแอนฮีดรัล ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์รู้จักกันดีในชื่อประตูแบบปีกนกนางนวล W1 มีปีกเหล่านี้เพราะช่วยระบายอากาศออกจากบังโคลนหน้า

ปีกหลังที่ช่วยลดแรงต้านของ McLaren W1 น่าจะเป็นชิ้นส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชุดแอโรไดนามิก มันสามารถพลิกตัวเลือกเปลี่ยนโหมดขับขี่เป็นโหมดแข่งได้ โดยด้านหน้าของ W1 ก็จะลดลง 1.5 นิ้ว และด้านหลังก็จะลดลง 0.66 นิ้ว ความสูงที่ลดลงนี้ช่วยให้ McLaren W1 จัดการกับลมใต้ตัวรถได้ดีขึ้น

รถแข่ง McLaren ยังใช้ระบบกันสะเทือนแบบแท่งผลักที่ด้านหน้า ระบบกันสะเทือนด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก F1 โดยมีแกนทอร์ชั่นทำหน้าที่รับหน้าที่สปริง

ระบบกันสะเทือนด้านหลังมีความซับซ้อนน้อยลงเล็กน้อย โดยใช้สปริงและโช้คอัพแบบติดท้ายเรือแบบดั้งเดิมที่ทำหน้าที่แทน W1 ซึ่งทำให้หยุดนิ่งได้ด้วยชุดคาลิเปอร์ 6 ลูกสูบที่ด้านหน้าและ 4 ลูกสูบที่ด้านหลัง คาลิเปอร์แบบโมโนบล็อกเหล่านี้จับโรเตอร์คาร์บอน-เซรามิกขนาด 15.35 นิ้วที่ทุกมุม

McLaren กล่าวว่ารถทั้งคันนี้มีความยาวเพียง 182 นิ้วและมีระยะฐานล้อ 106 นิ้ว ตัวถังที่กว้าง 86 นิ้วมีความสูงเพียง 47 นิ้ว ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นในเกือบทุกทิศทางเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ขัดขวางประสิทธิภาพ

ตามข้อมูลของ McLaren รถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

• 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 2.7 วินาที
• 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.8 วินาที

ภายในห้องโดยสารที่ใช้งานได้เต็มรูปแบบ แม้ว่าจะไม่มีเบาะนั่งตรงกลางเหมือน McLaren F1 แต่เลย์เอาต์แบบดั้งเดิมนั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 8.0 นิ้วที่รันระบบสื่อของ McLaren

นอกจากนี้ W1 ยังรองรับ Apple CarPlay ผ่านสาย USB-C เบาะนั่งแบบตายตัวอาจไม่สบายสำหรับบางคน แต่เบาะนั่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเบาที่สุดที่ McLaren เคยใส่ไว้ในรถยนต์สำหรับใช้บนท้องถนน แน่นอนว่าลูกค้ากลุ่มพิเศษเหล่านี้จะสามารถหุ้มเบาะภายในรถได้ทุกอย่างที่กระเป๋าสตางค์ของพวกเขาสามารถจ่ายได้

ไฮเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี่ผลิตจำกัดจำนวน 399 คัน มีราคาสูงถึง 2.1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 70 ล้านบาทต้นๆ ซึ่งรถทั้งหมดถูกจับจองเรียบร้อยแล้ว

ที่มา autoweek