
หนึ่งในเฟรนไชส์ที่ใหญ่มาก ๆ เฟรนไชส์หนึ่งจากค่าย ‘Gearbox’ (ที่จัดจำหน่ายโดย 2K) ก็คือ ‘Borderlands’ นี่แหละ และหลังจากผ่านทั้งช่วงรุ่งเรือง อย่างในภาค 1 และ 2 มาแล้ว แถมยังผ่านช่วงมรสุมในภาค 3 ไปก็ไม่น้อย และในปี 2025 นี้ ก็กลับมาพร้อมกับเดิมพันครั้งใหม่ของโลกแห่ง ‘Valut Hunter’ ด้วย ‘Borderlands 4’ ภาคต่อที่ยกเซตติ้งใหม่ เล่าเรื่องเปลี่ยนมุมมองไปยังอีกมุมของกาแลกซี่ แต่ยังเก็บกลิ่นอายความเป็นนักล่าสมบัติในสไตล์เกมที่ยังคงเป็น Looter Shooter เหมือนเดิม มาดูกันว่า Borderlands 4 นี้จะมีความโกลาหลมากน้อยขนาดไหนกัน ?
การเล่าเรื่องของ Borderlands 4 นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของภาคที่แล้วมากนัก เพียงแต่ว่ามันเป็นผลพวงมาจากภาคที่แล้ว เมื่อดวงจันทร์ ‘Elpis’ ที่ถูกเทเลพอร์ตย้ายออกมาจากในภาคที่ 3 เกิดกระแทกเข้ากับชั้นบรรยากาศของดาว ‘Kairos’ ดาวที่หลบซ่อน และพรางตัวอย่างดีมาโดยตลอด จนทำให้ดาว Kairos ไม่ถูกซ่อนอีกต่อไป หลังจากผ่านไป 6 ปี เหล่า Valut Hunter ทั้งหลาย ต่างพากันเข้ามาบุกดาวนี้เพื่อหาสมบัติกลับไป แต่ทว่าดาว Kairos นั้น กลับมี ‘ผู้นำสูงสุด’ อย่าง ‘Timekeeper’ ที่ครองอำนาจ Kairos เอาไว้แบบเบ็ดเสร็จ พร้อมกองทัพหุ่นสังเคราะห์ของตัวเอง และลูกสมุนในนาม ‘ภาคี’ (Order) มากมาย เพื่อตามหาสมบัติอะไรบางอย่าง อันเป็น ‘Valut’ ที่ใจกลางของดาว Kairos นั่นเอง


จะเห็นเลยว่าแค่เกริ่นเนื้อเรื่องมา ก็ชวนให้เข้าไปบุกดาวนี้แบบสุด ๆ เลยทีเดียว ข้อดีของการเปลี่ยนโซน มาเล่าเรื่องในดาวดวงใหม่ ที่ไม่เคยกล่าวขึ้นมาในภาคก่อนหน้าเลย คือการที่ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาเริ่มเล่นที่ภาคนี้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องเล่นภาคก่อน ๆ มา

แต่การเล่นเกมภาคที่ผ่าน ๆ มา จะทำให้เราเข้าใจ Setting และ World Building ของโลกยุค Post-Apocalypse นี้มากขึ้นเยอะเลย อย่างเช่น อาวุธ, เข็มฮีล, โล่แต่ละประเภท จะมี ‘โรงงานผลิต’ เป็นของตัวเองติดตัวอยู่ตลอด และจะมีดีไซน์ จุดเด่น และ ‘เอฟเฟกต์’ ของอาวุธจากโรงงานนั้น ๆ ทั้งหมดเลย อย่างเช่น VLADOF ค่ายผู้ผลิตปืนที่มีรัสเซียในยุคโซเวียตเป็นแรงบันดาลใจ รูปร่างของปืนก็จะเป็นในรูปแบบหนึ่ง ในขณะที่ Jakobs จะเป็นค่ายปืนที่อยู่ยืนยาวมาตั้งแต่ยุคคาวบอยในสหรัฐฯ ทำให้หน้าตาของปืนมีความคล้ายคลึงกับปืนในยุคสมัยนั้นนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตเจ้าใหม่จากดาว Kairos อย่าง ‘Daedalus’ ที่จะเน้นปืนที่ดูไฮเทค และมีสไตล์ในการยิงคล้าย ๆ กับ ‘Dahl’ ในภาคก่อน ๆ นั่นเอง แถมยังมีปืนที่ผลิตไว้ใช้ใน ‘ภาคี’ ของ Timekeeper เองด้วย




ตัวละครเก่า ๆ เองก็ยังกลับมาอยู่ อย่างเช่นน้อง ‘CL4P-TP’ ที่ยังคงกลับมาสร้างสีสันให้กับเกม Borderlands อยู่ตลอดเลยทีเดียว รอบนี้มาในนาม ‘ผู้นำแห่งกลุ่มต้อต้าน Crimson Resistance’ (ที่จริง ๆ แค่อยากกลับบ้านเฉย ๆ นั่นแหละ)


เรื่องของพลอตเราขอไม่ลงลึกมากไปกว่านี้ เพียงแต่ว่า เนื้อเรื่องในเกมมีธีมของการเป็น ‘Rebel’ หรือผู้ขัดขืน ต่อต้าน ระบบการปกครองอันดั้งเดิมของดาว Kairos และการต่อสู้กับกองทัพหุ่นของ Timekeeper ซึ่งเป็นศัตรูใหม่เอี่ยม แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ยังต้องต่อสู้กับศัตรูที่คุ้นเคยอีกหลาย ๆ ประเภท ทั้งสัตว์ต่างดาว และ ‘Ripper’ เหล่าคนที่เสียสติ เพราะดึงเอาสลักที่เสียบหลังไว้กับคนส่วนมากในดาว Kairos จนทำให้กลายเป็น ‘Psycho’ ตัวละครบ้าคลั่งคลาสสิกจาก Borderlands ภาคก่อน ๆ คือเรียกได้ว่าเกมนี้ให้มาครบเลย

อ่านจนถึงตรงนี้ ขอการันตีได้เลยว่า ต่อให้เล่นมาแค่ภาค 2 หรือไม่เคยเล่นเลยสักภาค ก็ยังสามารถเข้ามาเล่นและสนุกไปกับเกมได้อย่างดีแน่นอน เพียงแต่ว่า การที่เคยเล่นเกมภาคก่อนมาก่อน หรือเล่นภาค 3 มา จะยิ่งทำให้เราเข้าใจ Worldbuilding ของเกม และเข้าใจหลักการทำงานของเกมให้ดีขึ้นได้แน่นอน
นอกจากนั้น เรื่องของระบบการเล่นของเกม ให้พูดง่าย ๆ ก็คือ นี่ยังคงเป็นเกมแนว ‘Looter Shooter’ ที่มีความรวดเร็วในด้านเกมเพลย์เหมือนเดิม ให้อธิบายแล้วเข้าใจง่าย ๆ Looter Shooter จะเป็นเกมแนวยิง เก็บของ เปิดกล่อง แล้วไปยังที่ต่อไป ซึ่งซีรีส์ Borderlands นั้นมีจุดเด่นในด้านการทำเกมแนวนี้อยู่แล้ว ซึ่งเกมนี้ก็ยังเก็บกลิ่นอายของระบบการเล่นนี้ไว้ได้ดีเหมือนเดิม

นอกจากนั้น Borderlands 4 ยังมาพร้อมกับระบบ ‘สกิล’ ของตัวละครที่เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย โดยในเกม เราจะสามารถเลือกตัวละครเข้ามาต่อสู้ในดาว Kairos นี้ได้ 4 ตัวละครด้วยกัน ตัวละครแต่ละตัว จะสามารถเปลี่ยน ‘Action Skill’ ได้ 3 สกิลด้วยกัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสไตล์ในการเล่นของแต่ละคน




ตัวละครที่สามารถเลือกเล่นได้นั้น ประกอบไปด้วย





ในตอนที่เรารีวิวเกมนี้อยู่ ทาง 2K ได้ประกาศว่ากำลังจะมีตัวละครที่ 5 มาเพิ่มให้เลือกกัน นั่นคือ ‘C4SH’ ซึ่งเป็นตัวละครแรกใน DLC ของเกม ที่เป็นหุ่นยนต์ดีลเลอร์ในคาสิโนเก่า และเน้นเรื่องการ ‘พนัน’ ตามสไตล์ของหุ่นยนต์คาสิโน ที่จะมีสกิลที่ต้องเสี่ยงดวง ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ดีกันแน่ โดยเตรียมจะเปิดให้เล่นในช่วงต้นปี 2026 ที่จะถึงนี้

ตัวเกมยังได้มีระบบ ‘Outpost’ ที่เราสามารถเข้าไปยึดมาจากการควบคุมจากการปกครองของ Timekeeper มาใช้เป็นฐานของเราเองได้ด้วย โดยหลังจากเรายึดเสร็จแล้ว ก็จะกลายมาเป็น Safehouse ของเรา ที่เราสามารถเทเลพอร์ตไปมาเพื่อเป็นการเดินทางไปมาภายในดาว Kairos ได้เลยด้วย


โดยรวม ๆ แล้วระบบของเกมภาคนี้ จะเน้นเรื่องของการเป็นเกมที่เราสามารถไปสำรวจได้แบบเกมแนว ‘Open World’ มากขึ้น เน้นเรื่องการของการเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจ ค่อย ๆ ซึมซับเกมไป แต่ก็ยังมีเนื้อเรื่องหลักให้ติดตามเช่นเดียวกัน


ในอนาคต Borderlands 4 อาจจะมีระบบอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้ ระบบการเล่นของ Borderlands 4 ยังคงมีกลิ่นอายของ Looter Shooter อยู่ครบ แต่เติมเรื่องของระบบเกมแนว Open World เข้าไปพร้อม ๆ กัน

จนถึงจุดนี้ ผู้เขียนยังไม่ได้กล่าวถึงความวายป่วงของการเล่น ‘CO-OP’ กับเพื่อนของเราได้สูงสุด 4 คน ซึ่งมีการออกแบบที่ละเอียดไม่น้อย คือ Progress ของเราและเพื่อนจะแยกกัน แถมถ้าเราเล่นยาก แล้วเพื่อนเลือก Easy ก็ยังสามารถเล่นด้วยกันได้แบบไม่มีปัญหา แถมยังสามารถเล่นแบบ Cross-Play คือเราเล่นบน PC เพื่อนเล่นยบน PlayStation ก็ไม่มีปัญหา เรียกได้ว่าออกแบบระบบมาได้รับกับการเล่นกับเพื่อนให้สนุกได้จริง ๆ (แต่ของยังดรอปแค่ชิ้นเดียว แปลว่าเรายังต้องแย่งของกับเพื่อนเหมือนเดิม (ฮา)
แม้ที่ผ่านมา ยังมีปัญหาของเกมในด้านการเชื่อมต่อเพื่อเล่นกับเพื่อนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ในช่วงที่การเล่น CO-OP นั้นไม่มีปัญหา การเล่น CO-OP ก็ทำให้เกมสนุกได้แบบไม่น้อย และดึงกลิ่นอายของการเล่นเกมแนว Looter Shooter ในภาคก่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีเลย
Borderlands 4 นั้นเป็นเกมในซีรีส์ Borderlands ครั้งแรก ที่ได้มีตัวเลือกภาษาให้แปลเป็นภาษาไทยได้ (Subtitle และ UI) โดยตัวเกมได้แปลภาษาไทยให้ทั้งหมด แต่ไม่ได้เป็นการแปลกระทั่ง Element ภายในเกมแต่อย่างใด ซึ่งถ้าถามว่าตัวเกมสามารถแปลภาษาไทยได้ดีไหม เรียกได้ว่าแปลดีใช้ได้เลยทีเดียว สามารถแปลภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง พร้อมกับทำให้เราเข้าใจตัวเกม และเนื้อเรื่องในเกมได้มากขึ้น เพราะไม่มีกำแพงภาษาเข้ามากั้นอีก

เพียงแต่ว่า การแปลภาษาไทยของเกมแนว Borderlands นั้น ไม่ใช่แค่การแปลภาษาโดยตรง เพราะว่าตัวเกมมักจะมาพร้อมกับมุขตลก และภาษาที่ค่อนข้างเฉพาะด้านพอสมควร และการแปลมุขตลกบางมุข อาจจะยังไม่สามารถแปลเข้าไปได้แบบตรง ๆ ต้องมีการตีความและแปลให้เข้ากับบริบทกว่านี้ แต่ใด ๆ ก็คือ การแปลภาษาไทยนั้น สามารถแปลให้เข้าใจได้แบบ 95% เลยทีเดียว



เอาจริง ๆ เรื่องของงานภาพใน Borderlands 4 นั้น ไม่ได้เป็นที่กังขามากนัก เพราะว่าตามสไตล์ของเกมเฟรนไชส์ Borderlands แล้ว ตัวเกมมักจะมาพร้อมกับภาพในสไตล์ Cartoon-ish ที่แม้จะเป็นโมเดล 3 มิติ แต่ก็ยังมาพร้อมกับการแต่งสไตล์ของสีที่มีความเข้ม ดุดัน และมีเส้นตัดให้สไตล์ของภาพมีความเป็นการ์ตูน ซึ่งเป็นกลิ่นอายของเกมซีรีส์ Borderlands มาโดยตลอด




เพียงแต่ว่า ด้วยการที่ตัวเกมได้ปรับเปลี่ยนเอนจิ้นใหม่ โดยได้เปลี่ยนไปใช้ ‘Unreal Engine 5’ ในการพัฒนาตัวเกมภาคนี้ ทำให้เกมภาคนี้ มาพร้อมกับปัญหาด้านการ Optimize ตัวเกมให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ (โดยเฉพาะบน PC) ที่ค่อนข้างสูง โดยสเปกของคอมพิวเตอร์ ‘ขั้นต่ำ’ ที่สามารถเล่นเกมนี้ได้ จะต้องใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2070, AMD Radeon RX 5700 XT, Intel Arc A580 หรือใหม่กว่า ซึ่งจะมีคอมพิวเตอร์อีกไม่น้อย ที่ยังไม่มีการอัปเกรดมาเพื่อรับกับเกม หรือเอนจิ้นของเกมใหม่นี้ ทำให้ในช่วงเปิดตัวเกม ได้มีคนจำนวนมากที่เจอกับปัญหาเรื่องความกระตุกของเกม หรือเฟรมเรตตกค่อนข้างมาก ซึ่งทางผู้พัฒนาเกม ก็ได้ออกอัปเดตแพทช์เพื่อแก้ไขเรื่องดังกล่าวค่อนข้างมากแล้ว เพียงแต่ว่า ปัญหานี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ ต้องรอดูกันต่อไปว่าทางผู้พัฒนาจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อไป

อัปเดต 31 ตุลาคม 2568 : แม้ว่าตัวเกมจะยังคงเกิดอาการกระตุกบ้างเล็กน้อยในเวลาที่โหลดฉากใหม่ ๆ หรือเข้าพื้นที่ ที่ Texture ของเกมแตกต่างไปจากเดิม แต่ตัวเกมก็มีความลื่นไหลกว่าตอนที่เล่นรอบแรกสุดไม่น้อย เรียกได้ว่าทางผู้พัฒนาก็พยายามที่จะใส่อัปเดตเพื่อแก้เรื่อง Performance ของเกมมาเรื่อย ๆ จริง ๆ

ก่อนที่ผู้เขียนจะส่งทุกคนไปลองเล่นเกม Borderlands 4 บุกตะลุยดาว Kairos และยึดดาวคืนจาก Timekeeper ผู้เขียนอยากแนะนำว่า Borderlands 4 นั้นเป็นเกมที่นอกจากจะสนุกไปกับมันด้วยความเป็น Looter Shooter แล้ว ยังแอบเสริมความเป็น Open World ให้เราได้สำรวจโลกกว้างไปพร้อมกันด้วย ทั้ง 2 ส่วนนี้ผสมกัน นี่มันคือสมการแห่งเกมดูดเวลาชัด ๆ ที่สำคัญคือยังมีอะไรที่ทำให้เราได้ยิ้ม ได้ติดตลกอยู่บ้าง ไม่ใช่เคร่งเครียดเพื่อต่อสู้ไปซะอย่างเดียว ตามสไตล์ของ Borderlands เลย

เพียงแต่ว่า สิ่งที่สัมผัสได้ในตอนนี้คือเรื่องของประสิทธิภาพที่การจะเป็นผู้เล่นที่ได้ประสบการณ์การเล่นอย่างเต็มที่นั้น อาจจะต้องใช้ต้นทุนที่ค่อนข้างสูงอยู่บ้างก็ตาม แต่ในอนาคตที่คนเข้าถึงสเปกคอมพิวเตอร์ที่รับกับเกมนี้ได้มากขึ้นแล้ว การเล่น Borderlands 4 ของเราจะสนุกชึ้นมากเลย โดยเฉพาะเพื่อนที่ยังไม่เคยจับซีรีส์ Borderlands มาก่อน เราก็ยังจะพาเพื่อนไปสนุกกับเกมนี้ได้อย่างสบาย ๆ

ว่าแล้วก็ เข้าไปบุกยึดดาว Kairos คืน และหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในดาวนี้ หรือจะเข้าไปป่วน วายป่วงในดาว Kairos กันได้เลย โดย Borderlands 4 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC แต่เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 ยังโดนเลื่อนวางจำหน่ายตามกำหนดการวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ต้องมารอดูกันต่อไปว่า 2K จะวางจำหน่าย Borderlands 4 เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 เมื่อไหร่กัน
หลังจากผ่านมรสุมมาในภาคก่อน Borderlands 4 กลับมาพร้อมการเดิมพันครั้งใหม่บนดาวเคราะห์ 'Kairos' ที่เพิ่งถูกค้นพบ ภาคนี้ยังคงกลิ่นอาย Looter Shooter ยิงแหลกแจกปืนนับล้านกระบอกไม่เปลี่ยน แต่เสริมด้วยระบบ Open World ที่ชวนให้สำรวจมากขึ้น และเนื้อเรื่องใหม่ที่แม้แต่คนไม่เคยเล่นซีรีส์นี้มาก่อนก็สามารถกระโดดเข้ามาสนุกได้ทันที แต่การยกเครื่องใหม่ด้วยเอนจิ้นใหม่นี้ จะยังคงความ 'วายป่วง' อันเป็นลายเซ็นไว้ได้ครบถ้วนหรือไม่? และปัญหาด้าน Performance ที่หลายคนกังวลนั้นหนักหนาแค่ไหน?





