
YouTube ประกาศหยุดส่งข้อมูลให้ Billboard เพื่อใช้จัดอันดับชาร์ตเพลงในสหรัฐฯ หลังจากปรับสูตรคำนวณใหม่ เพิ่มน้ำหนักให้กับการฟังเพลงผ่านบริการแบบเสียเงินและระบบสมัครสมาชิก มากกว่าการสตรีมฟรีที่มีโฆษณาคั่น

Billboard มองว่าการเปลี่ยนสูตรครั้งนี้เพื่อสะท้อนรายได้จากการสตรีมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมยอมรับว่าการสตรีมได้กลายเป็นช่องทางหลักในการเสพดนตรี แซงหน้าการซื้ออัลบั้มหรือเพลงแบบดั้งเดิมไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลงสูตรจะเริ่มมีผลกับชาร์ตที่เผยแพร่วันที่ 17 มกราคม 2026 ครอบคลุม Billboard 200 และชาร์ตอัลบั้มตามแนวเพลงต่าง ๆ โดยอัตราส่วนมูลค่าระหว่างการสตรีมแบบสมัครสมาชิกกับการสตรีมที่มีโฆษณาคั่นบน Billboard Hot 100 จะถูกกำหนดไว้ที่ 2.5 ต่อ 1 ส่งผลให้จำนวนสตรีมที่ต้องใช้ในการนับเป็นหนึ่งหน่วยอัลบั้มลดลง และทำให้เพลงสามารถไต่ชาร์ตได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะฝั่งบริการสตรีมแบบเสียเงิน
ภายใต้สูตรใหม่ หนึ่งหน่วยอัลบั้มจะเทียบเท่ากับ 2,500 สตรีมแบบมีโฆษณาคั่น หรือ 1,000 สตรีมแบบสมัครสมาชิก/ชำระเงิน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 3,750 และ 1,250 สตรีมตามลำดับ แม้ช่องว่างจะลดลงจากเดิม แต่ YouTube เห็นว่ายังไม่ยุติธรรมเพียงพอ จึงเลือกถอนข้อมูลออกจากการจัดอันดับของ Billboard ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2026 เป็นต้นไป

YouTube มองว่า แม้การสตรีมคิดเป็นถึง 84% ของรายได้เพลงที่บันทึกไว้ในสหรัฐฯ แต่การทำแบบนี้ไม่สะท้อนพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างแท้จริง เพราะให้น้ำหนักกับสตรีมแบบสมัครสมาชิกมากเกินไป ด้อยค่าการมีส่วนร่วมของผู้ฟังจำนวนมหาศาลที่ใช้บริการฟรีแบบมีโฆษณา ทุกการฟังควรถูกนับอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นแบบเสียเงินหรือฟังฟรีก็ตาม
แม้การตัดสินใจนี้อาจทำให้บทบาทของ YouTube ในชาร์ตเพลงลดลง และส่งผลต่อความสำคัญของแพลตฟอร์มในสายตาค่ายเพลงและศิลปิน แต่หลายฝ่ายมองว่านี่คือกลยุทธ์การต่อรองมากกว่าการตัดขาดถาวร โดย YouTube หวังจะกลับมาร่วมงานกับ Billboard เพื่อให้การจัดอันดับสะท้อนการฟังเพลงของแฟน ๆ อย่างเท่าเทียมในทุกแพลตฟอร์ม
ที่มา techcrunch





