ความเคลื่อนไหวในวงการปัญญาประดิษฐ์ เอไอพัฒนาไปถึงขั้นไหน มีผลกระทบอย่างไร Ceei รวบรวมมาแล้ว
OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ในชื่อว่า GPT-4o ( “o” ย่อมาจาก “omni”) เพิ่มความสามารถในการจัดการข้อความ เสียงและวิดีโอ พร้อมเปิดให้ใช้งานฟรีในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ทาง Mira Murati เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ OpenAI กล่าวว่า GPT-4o นั้นจะมีความฉลาดพอๆกับ “GPT-4” แต่เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับ multiple modalities และสื่อต่างๆ “GPT-4o นั้นรองรับทั้งเสียง ข้อความ และการมองเห็น (vision)
Google I/O กำลังจะเกิดขึ้นคืนนี้ ซึ่งหลายคนคาดเดาว่า AI น่าจะเป็นพระเอกของงานปีนี้ ล่าสุดทาง Google ได้เปิดเผยตัวอย่างฟีเจอร์ใหม่ที่ผสาน AI เข้าไปกับกล้อง คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Google Lens. ทาง Google ได้โชว์ฟีเจอร์ AI ใหม่ผ่านคลิปสั้นบนแพลตฟอร์ม X ก่อนงาน Google I/O จะเริ่มขึ้นในคืนนี้ ด้วยความสามารถของกล้องที่ขับเคลื่อนด้วย AI จดจำสิ่งที่อยู่ในเฟรมได้แบบเรียลไทม์ วิดีโอนี้มีป้ายกำกับว่าเป็น “ต้นแบบ” ในคลิปเราจะเห็นอุปกรณ์
Bloomberg. รายงาน Apple ใกล้ปิดดีลข้อตกลงกับ OpenAI เพื่อนำเทคโนโลยี AI บางส่วนมาใส่ใน iPhone ที่จะเปิดตัวในปีนี้ เสริมความสามารถของ AI ใน iOS 18. แม้จะมีข่าวลือว่า Apple เองก็มีการเข้าไปคุยกับ Google เพื่อความร่วมมือด้าน AI ด้วยเหมือนกัน แต่รายงานล่าสุดบอกว่า Apple นั้นใกล้บรรลุข้อตกลงกับ OpenAI โดยข้อตกลง OpenAI จะทำให้ Apple นำแชทบอทยอดนิยมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์
OpenAI วางแผนเปิดตัว search engine ของตัวเองที่ใส่ความสามารถของ AI ตัดหน้างาน Google I/O 2024 ในวันที่ 14 พฤาภาคมนี้ทาง Google เตรียมจัดงาน Google I/O 2024 สำหรับนักพัฒนา ซึ่งคาดว่า AI น่าจะเป็นไฮไลต์ของงานในปีนี้ หนึ่งในนั้นคือการผสานการทำงานของ AI เข้ากับ Search มากขึ้น แน่นอนว่าฝั่งคู่แข่งอย่าง OpenAI ก็ไม่ยอมน้อยหน้า
TikTok เพิ่มความน่าเชื่อถือในการใช้งาน ด้วยการเพิ่มป้ายกำกับอัตโนมัติบนคอนเทน์ที่สร้างด้วย AI รวมถึงสนับสนุน content credentials เพื่อให้สามารถตามรอยภาพต้นฉบับได้ TikTok กำลังเพิ่มความพยายามในการติดป้ายกำกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI ในแอปของตนโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องมือของบุคคลที่สามก็ตาม โดยทางบริษัทได้ประกาศแผนการที่จะสนับสนุนข้อมูลประจำตัวของเนื้อหา ซึ่งเป็นลายน้ำดิจิทัลที่บ่งบอกถึงการใช้ generative AI กฎของ TikTok กำหนดให้ผู้สร้างต้องเปิดเผยเนื้อหาที่สร้างโดย AI แต่นโยบายดังกล่าวอาจจะยากในการบังคับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้สร้างใช้เครื่องมือ AI ของบริษัทอื่น เนื่องจาก content credentials มีการใช้งานมากขึ้นในอุตสาหกรรม AI
ทาง Bloomberg รายงานว่าทาง Apple วางแผนที่จะนำชิป M2 Ultra มาใช้กับเซิร์ฟเวอร์ cloud เพื่อช่วยประมวลผลงานด้าน AI ที่มีความซับซ้อน ส่วนงาน AI ง่ายๆจะใช้การประมวลผลในอุปกรณ์แทน ก่อนหน้านี้ทาง The Wall Street Journal รายงานว่าทาง Apple อยากจะพัฒนาชิปเพื่อใช้กับงานด้าน AI บน data center ของตัวเอง เพื่อให้มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้ ซึ่งโครงการนี้มีชื่อว่า Project ACDC
Apple ทุ่มงบมหาศาลด้าน AI ไม่ว่าจะเป็นการกว้านซื้อบริษัทมาเสริมทัพ รวมถึงเตรียมเปิดตัว generative AI ของตัวเองในระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่ายังเตรียมพัฒนาชิปใหม่ของตัวเองเพื่อใช้งานกับ AI data center ของตัวเอง ทาง Wall Street Journal รายงานว่า Apple กำลังพัฒนาชิป “AI chips” สำหรับใช้ใน data center ซึ่งจะมาช่วยประมวลผลฟีเจอร์ AI บางส่วนที่จะเปิดตัวในงาน WWDC 2024 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ตอนนี้ YouTube ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่นำความสามารถของ AI มาช่วย หนึ่งในนั้นคือ Jump ahead ที่เปิดให้ใช้งานกับ YouTube Premium ข้ามไปยังช่วงที่มีคนดูมากที่สุด “Jump Ahead” คือ ฟีเจอร์ที่เปิดทดสอบในกลุ่มเล็กๆตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ได้ขยายให้ผู้ใช้ YouTube Premium ในวงกว้างขึ้นผ่าน YouTube Labs ซึ่งเราสามารถเปิดใช้งานได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI และข้อมูลการรับชมมาทำงานร่วมกัน โดย YouTube จะสามารระบุได้ว่าช่วงไหนของคลิปที่คนสนใจมากที่สุด ซึ่งรวมถึงช่วงที่คนมักจะกดข้ามบ่อยๆ และช่วงที่คนชอบเข้ามาดู เพียงแค่เรากด double
ในงานประชุมแถลงผลประกอบการณืไตรมาสที่ 2 ของ Apple ทาง Tim Cook ผู้บริหารของ Apple ออกมาพูดถึง Generative AI ยืนยันว่า Apple ได้เตรียมสิ่งที่น่าตื่นเต้น พร้อมสร้างความได้เปรียบจากความแตกต่างในสนามการแข่งขันด้าน AI สิ่งที่ Apple สร้างความโด่นเด่นมาตลอดก็คือ ผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ของตัวเองเพื่อสร้างระบนิเวศน์ที่ไร้รอยต่อ นี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในสมรภูมิ AI ซึ่ง Apple จะใช้ชิปของตัวเองที่มาพร้อม neural engines ซึ่งทำงานร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆเพื่อให้ฟีเจอร์ AI
ตอนนี้มีคนทั่วโลกราว 100 ล้านคนที่มีปัญหาในการพูด เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ทาง Samsung และ Cheil Worldwide Spain จึงร่วมกันพัฒนาแอป AI บน Galaxy Watch เพื่อช่วยให้คนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น แอปนี้มีชื่อว่า IMPULSE ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนเครื่องเมโทรนอมเสมือนจริงสำหรับคนที่มีอุปสรรคในการพูด ซึ่งจะใช้เทคนิค rhythm therapy ซึ่งจะช่วยปรับให้พูดได้คล่องขึ้น ผ่านการสร้างจังหวะการพูดให้ผู้ใส่สามารถพูดตาม ซึ่งแอปจะไม่ได้ส่งเสียงออกมา แต่จะใช้การสั่นเป็นจังหวะที่ให้พูดตามได้ เพื่อช่วยปรับจังหวะได้แบบ real time ซึ่ง IMPULSE
