Tools for Humanity (TFH) บริษัทเทคโนโลยีผู้อยู่เบื้องหลัง “World” ระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในยุค AI ได้จัดงาน “World Day 2025” ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ 11 พันธมิตรในไทย เพื่อสร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ท่ามกลางความท้าทายจากบอตและมิจฉาชีพที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์
งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือกับศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (TIDC) และบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) (MVP) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความไว้วางใจในโลกออนไลน์ภายใต้แนวคิด “World – building trust in the Age of AI”
World คือเครือข่ายดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อยืนยันว่าผู้ใช้งานออนไลน์เป็น “มนุษย์จริง” ที่มีเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียว ไม่ใช่บอตหรือบัญชีปลอม โครงการนี้พัฒนาโดย Alex Blania และ Sam Altman (CEO ของ OpenAI) ภายใต้บริษัท Tools For Humanity โดยมีหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP) ซึ่งช่วยให้สามารถพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น ชื่อ, อีเมล หรือหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างสูงสุด
การยืนยันตัวตนทำผ่าน Orb ฮาร์ดแวร์พิเศษที่สแกนใบหน้าและม่านตาเพื่อสร้าง World ID ซึ่งเป็นเหมือนหนังสือเดินทางดิจิทัลที่ใช้พิสูจน์ความเป็นมนุษย์บนโลกออนไลน์ ซึ่งหลังจากที่สแกนเสร็จแล้วจะเก็บข้อมูลเป็น Iris Code ที่ไม่สามารถถอดรหัสกลับเป็นข้อมูลม่านตาได้อีก และรูปถ่ายของม่านตาก็จะถูกทำลายไปหลังจากกระบวนการเสร็จสิ้น
โดย World นั้นประกอบด้วย 5 ส่วนคือ Orb ใช้ยืนยันตัว, World ID หลักฐานยืนยันความเป็นมนุษย์, World App แอปสำหรับใช้งานบริการของ World, World Chain เครือข่าย Blockchain ของเวิร์ลและ Worldcoin เหรียญที่ใช้ในเครือข่ายของเวิร์ล
คุณภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Tools For Humanity ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายสำคัญ 3 ด้านในการดำเนินงานในประเทศไทย:
1. ขยายเครือข่าย Orb ทั่วประเทศ: ภายในปี 2568 World ตั้งเป้าขยายจุดให้บริการ Orb ให้มีมากกว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ ได้แก่ COM7 (ผู้ให้บริการร้าน BaNaNa), JIB, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) และ IMPACT เมืองทองธานี เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการยืนยันตัวตนได้อย่างสะดวกและครอบคลุม
2. การประยุกต์ใช้ World ID กับแพลตฟอร์มชั้นนำของไทย: World ID จะถูกนำไปใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยและป้องกันบอตบนแพลตฟอร์มยอดนิยมของไทย:
โดยคาดว่าบริการทั้งหมดจะเชื่อมโยงกับ World เพื่อให้บริการยืนยันตัวตนได้ภายในปีนี้
3. ก้าวสู่ World Chain และอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัล: World Chain คือบล็อกเชนตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันความเป็นมนุษย์แล้วเท่านั้น โดยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในไทย ได้แก่ Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub เพื่อสำรวจแนวทางการนำ World ID มาประยุกต์ใช้ในระบบนิเวศคริปโท และเปิดทางแลกเปลี่ยน World Chain เป็นสกุลเงินอื่น ๆ อย่างถูกกฎหมายในไทย
“World ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสริมพลังให้กับมนุษย์ในยุค AI ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มนุษย์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความก้าวหน้าทางดิจิทัล เราต้องการให้เทคโนโลยีนี้เป็นเหมือนโล่ปกป้องภัยจาก AI ซึ่ง World ไม่ได้รู้ว่าคุณคือใคร แต่รู้เพียงว่าคุณเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” คุณภัคพลกล่าว
ปัจจุบัน World ได้ยืนยันความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้งานแล้วกว่า 27.4 ล้านคนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยมีจุดให้บริการ Orb แล้ว 58 แห่ง รวมถึงสาขาป๊อปอัพ ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน ซึ่งปัจจุบันมีผู้มายืนยันตัวตนราว 6,000 คนต่อวัน